แพทย์เผยสาเหตุ "ประจำเดือนมา เจ็บหน้าอก" อาจเกิดจาก "โรคลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด"
"เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เจอเคสผู้ป่วยหญิงอายุราว 40 ปี มารักษาด้วยอาการเจ็บแน่นหน้าอก เป็น ๆ หาย ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ไม่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่าเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอกทุกครั้ง มักจะเป็นในช่วงขณะมีประจำเดือน ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งมีอาการเจ็บหน้าอกมากจึงรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หลังจากการเอกซเรย์ พบว่าเป็นโรคลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด ซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูงหากไม่ทำการรักษา จึงรีบรับตัวเข้าโรงพยาบาล"
รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล บอกเล่า พร้อมให้ความรู้ถึงสาเหตุการเกิดโรคลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดว่า โดยปกติแล้วโรคลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดจะมีจาก 3 สาเหตุ ได้แก่ 1) เกิดขึ้นได้เอง (Spontaneous Pneumothorax) มักเกิดในคนที่มีอายุน้อย ผอม สูง 2) เกิดจากอาการมีโรคร่วม (Secondary Pneumothorax) พบในผู้ป่วยที่มีภาวะถุงลมโป่งพอง และ 3) ลมรั่วขณะมีประจำเดือนที่เกิดจากช็อกโกแลตซีสต์กระจายมา (Endometriosis Migration) โดยโรคลมรั่วขณะมีประจำเดือนนั้น โอกาสการเกิดโรคนี้ค่อนข้างยาก พบเจอไม่บ่อยมากนัก ผู้ป่วยเพศหญิงส่วนมากมักมาด้วยสาเหตุด้วยลมรั่วในปอดราว 20-30 % โดยภาวะลมในเยื่อหุ้มปอดชนิดนี้ เจอในเฉพาะเพศหญิงช่วงอายุ 32-37 ปีโดยอาจจะสัมพันธ์กับช็อกโกแลตซีสต์ในช่องท้อง หรือ มดลูกหรือไม่ก็ได้ โดยสาเหตุการเกิดของโรคนั้นยังไม่แน่ชัด
ทั้งนี้อาการที่เกิดมักจะสัมพันธ์กับประจำเดือน ส่วนมากมักจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือหายใจไม่สุด ในบางครั้งอาจมีอาการเหนื่อย โดยมักจะเป็นในช่วง 24-72 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนมาในวันแรก
รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย กล่าวอีกว่า จากการวินิจฉัย ส่วนมากการทำ X-Ray หรือ ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Chest) หรือ MRI อาจพบได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการตรวจใดมีประสิทธิภาพที่สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้โดยตรง โดยในบางรายอาจพบถุงลมบริเวณยอดของปอดร่วมด้วยได้ (Lung Bleb) ในส่วนของการรักษาโรคลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดนี้ ประกอบด้วย 2 อย่าง ได้แก่ 1) การรักษาด้วยการผ่าตัด (ส่องกล้อง) และ 2)การรักษาด้วยยา
โดยรักษาด้วยการผ่าตัดภาวะลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดขณะมีประจำเดือนนั้น ในปัจจุบันภาวะลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดสามารถทำได้โดยการผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง (Video Assisted Thoracoscopic Surgery; VATS) หรือ การผ่าตัดเปิดแบบดั้งเดิม (Open Thoracotomy) โดยเป้าหมายของทั้ง 3 วิธี ได้แก่ 1. จัดการสาเหตุของลมรั่ว โดยการหาสาเหตุของลมรั่วจากปอดให้พบ เช่น ถุงลม (blebs, bullae) ที่แตกและทำการซ่อมแซมหรือตัดบริเวณส่วนนั้น 2. การทำสร้างพังผืด (Surgical Pleurodesis) ระหว่าง Parietal และ Visceral Pleura เพื่อทำให้เกิดการอักเสบ เพื่อลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำ โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การลอกเยื่อหุ้มปอด (Pleurectomy) หรือ การขูดบริเวณเยื่อหุ้มปอด (mechanical pleural abrasion ) และใส่สารเคมีบริเวณเยื่อหุ้มปอด (Chemical Pleurodesis) และ 3. ตัดบริเวณกระบังลมที่มีการกระจายตัวของช็อกโกแลตซีสต์ (Resection of Fenestrated Diaphragm) โดยผลของการผ่าตัดเปรียบเทียบระหว่างการผ่าตัดเปิดกับผ่าตัดส่องกล้องพบว่าผ่าตัดส่องกล้อง สามารถลดภาวะเสี่ยงได้ ดังนี้ 1. ลดภาวะการณ์ปวดหลังจากการผ่าตัด 2. ลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล และ 3.ลดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด
นอกจากนี้หลังจากการผ่าตัดส่องกล้อง เราควรรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยยาที่เราเลือกใช้ควรเป็นกลุ่ม Gonadotrophin-Releasing Hormone (GnRH) Analogue ควรใช้อย่างน้อย 6-12 เดือน นับตั้งแต่หลังจากการผ่าตัด สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตรในคนไข้กลุ่มนี้ควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วยเพื่อวางแผนการรักษา อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะได้รับการผ่าตัดไป โรคนี้ยังคงมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ โดยพบอุบัติการณ์การกลับมาเป็นซ้ำ 20-30% โดยสาเหตุอาจเกิดจากการคุมตัวช็อกโกแลตซีสต์ไม่อยู่ ฉะนั้นผู้ป่วยคนไหนมีอาการดังกล่าวให้รีบมาโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ หากท่านใดสงสัยสามารถสอบถามผ่านทาง inbox ได้หรือทาง lineofficial account; @lungsurgeryth
#ผ่าตัดปอด #ผ่าตัดส่องกล้อง #มะเร็งปอด #ลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด โดยปรึกษาผ่านเพจเฟซบุ๊ก ผ่าตัดปอด รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ได้ที่ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com