SCGD x COTTO จัดใหญ่! โชว์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การสร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยให้สวยงามและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ชูแนวคิด Reform the new Sustainability, made by you ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผ่านบูทใน "งานสถาปนิก’ 67" ระหว่างวันที่ 30 เมษายน- 5 พฤษภาคม 2567 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตอกย้ำผู้นำผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียน มุ่งสู่องค์กร NET ZERO Carbon Emission ภายในปี 2050
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด หรือ SCG Decor (SCGD) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันปรับเปลี่ยนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก SCGD และ COTTO ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในอาเซียน จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ผ่านการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก โดยการใช้พลังงานที่มีคาร์บอนต่ำ พลังงานจากชีวมวล รวมทั้งการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการขยะให้เกิดมูลค่า ปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้คนในสังคม มุ่งสู่การเป็นองค์กร NET ZERO Carbon Emission ภายในปี 2050
ล่าสุด SCGD และ COTTO ได้ผสานความร่วมมือนำสินค้าและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ห้องน้ำ หลากหลายรุ่น ร่วมจัดแสดงภายในบูทงานสถาปนิก'67 โดยการออกแบบตกแต่งบูทในปีนี้ถ่ายทอดผ่านแรงบันดาลใจในการสะท้อนปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก โดยนำเสนอผ่านรูปทรงการละลายของธารน้ำแข็ง หรือ Iceberg crack ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ภายใต้แนวคิด COTTO Reform the new Sustainability, made by you ที่แบ่งพื้นที่เป็น 4 ฮอลล์หลัก ได้แก่
1) SEA REFORM สะท้อนปัญหาระดับน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5 มิลลิเมตร จากการละลายของธารน้ำแข็ง ส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศชายฝั่งเปลี่ยนไป โดยภายในฮอลล์แรกจะนำเสนอวัสดุตกแต่งผิวจากหินธรรมชาติแท้อย่าง STONE DECOR COLLECTION ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตทำให้มีความบางเพียง 1.5-2 มิลลิเมตร โดดเด่นด้านความบาง มุมโค้ง ทรงคลื่น มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้ากระเบื้องตกแต่ง ECO Collection ที่ลดการใช้ทรัพยากรใหม่สูงสุด 50% รวมทั้งสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ Smart Lifestyle Bathroom เช่น VIZIO Smart Toilet with Double Protection, Smart LED & Bluetooth Mirror และ Smart Shower เป็นต้น
2) LAND REFORM นำเสนอผ่านการออกแบบพื้นที่ให้ทุกอย่างให้อยู่เหนือพื้นดิน โดยตกแต่งผลิตภัณฑ์ให้อยู่บนผนัง และเพดาน เพื่อสะท้อนผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้แผ่นดินจมอยู่ในน้ำทั้งหมด ภายในฮอลล์จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์แผ่นพื้นบุผนังและและเพดานโดย Ultra Veneer Flooring - LT By COTTO ซึ่งได้รับการรองรับจาก SCG GREEN CHOICE ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดี ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ยืดอายุการใช้งาน และได้รับการรับการรองรับจาก VIRGIN MATERIALS ว่าปราศจากสารเคมีอันตรายและฟอร์มาลดีไฮด์ ใช้กระบวนการผลิต Zero Waste รวมทั้งอายุการใช้งานที่นานกว่า World Class Certification
3) TEMPERATURE REFORM สะท้อนปัญหาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.2 องศาเซลเซียส โดยจัดแสดงกระเบื้องตกแต่งภายในสีสันโทนร้อน และเย็น เพื่อสะท้อนความแตกต่างของเฉดสี พร้อมทั้งการเคลือบแสงจาก Ambient นอกจากนี้ ยังนำเสนอ X-Strong Collection นวัตกรรมกระเบื้องกันรอยขีดข่วน และรับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษ ตลอดจนสุขภัณฑ์ และก๊อกน้ำ ซีรีส์ล่าสุด KLIRR Collection
4) TIDES REFORM สะท้อนปัญหาการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบนิเวศใต้ทะเล โดยนำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ และ สินค้าอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำ หลากหลายขนาดและสีสันใหม่
นอกจากนี้ บริเวณล็อบบี้ได้จำลองการออกแบบและตกแต่งที่สะท้อนถึงธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Clay Decor Collection ที่ได้รับ GREENGUARD (มาตรฐานตรวจสอบค่าสารระเหย), GREEN LABEL SINGAPORE (ฉลากเขียว สิงคโปร์) และ CE and European Fire Testing Classification (มาตรฐานความปลอดภัยในสหภาพยุโรป), X-Strong Collection กระเบื้องกันรอยขูดขีดและรับน้ำหนักพิเศษ, ผลิตภัณฑ์ LT by COTTO - Decor Wall เป็นต้น
"COTTO ให้ความสำคัญต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างจริงจัง ด้วยการพัฒนากระบวนการผลิตที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ทุกคนบนโลก รวมถึงมุ่งสู่การเป็นองค์กร NET ZERO Carbon Emission ในปี 2050 ตามเป้าหมาย" นายนำพล กล่าว