แชร์

"ม.มหิดล" ร่วมเวทีโลกพัฒนาสินค้าเกษตรยั่งยืน ภายใต้โครงการ OCOP แห่ง FAO สหประชาชาติ

อัพเดทล่าสุด: 19 ธ.ค. 2023
227 ผู้เข้าชม
"ม.มหิดล" ร่วมเวทีโลกพัฒนาสินค้าเกษตรยั่งยืน ภายใต้โครงการ OCOP แห่ง FAO สหประชาชาติ

การลดความยากจน (SDG 1 No poverty), ขจัดความหิวโหย (SDG 2 Zero Hunger) และลดความเหลื่อมล้ำ (SDG 10 Reduced inequality) เป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ภายในปี พ.ศ. 2573 โครงการ OCOP - One Country One Priority Product" ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO - Food and Agriculture Organization) จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ อย่างเสมอภาค ยั่งยืน จากการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญของแต่ละประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยถึงภารกิจบนเวทีนานาชาติของสถาบันฯ โดยได้รับมอบหมายของ FAO เพื่อนำประสบการณ์ความสำเร็จของประเทศไทยในโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)" มาประยุกต์สนับสนุนโครงการ OCOP - One Country One Priority Product" ในประเทศต่างๆ

โดยในเบื้องต้น สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จะส่งนักวิจัยลงพื้นที่ใน 4 ประเทศแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ราชอาณาจักรภูฏาน รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ราชอาณาจักรกัมพูชา และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เพื่อร่วมพัฒนาและถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาหาร รวมถึงสูตรอาหารที่ปลอดภัยมีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากวัตถุดิบการเกษตรที่สำคัญของแต่ละประเทศ ตลอดจนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ของเกษตรกรรายย่อยภายในแต่ละประเทศ

ซึ่งทั้ง 4 ประเทศได้เสนอให้มีการพัฒนาอาหารต้นแบบจากวัตถุดิบที่แต่ละประเทศให้ความสนใจ ประเทศละ 1 รายการ โดย 2 ประเทศแรกที่ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพัฒนาอาหารตามโครงการ OCOP ได้แก่ ราชอาณาจักรภูฏานที่ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก ควินัว (Quinoa) ซึ่งเป็นอาหารในกลุ่มธัญพืชที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้ และปลูกอย่างแพร่หลายในภูฏานเป็นเวลาเกือบทศวรรษ จนกลายเป็นสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกในปัจจุบัน โดยมีความโดดเด่นในเรื่องไฟเบอร์ (Fiber) หรือกากใยสูง ในขณะที่ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก วานิลา (Vanilla) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้เช่นเดียวกัน เพื่อใช้แต่งกลิ่นอาหาร โดยมีค่าดุจทองคำ ตามมาด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้ความสนใจพัฒนาอาหารจาก มะม่วง (Mango) ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้ โดยในปัจจุบันไทยถือเป็นประเทศที่มีการส่งออกมะม่วงมากที่สุดในโลก

ปิดท้ายด้วย สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ที่ให้ความสนใจในการพัฒนาสูตรอาหาร และผลิตภัณฑ์จากเครื่องเทศ กระวาน (Cardamom) พืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้เช่นเดียวกัน โดยเป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งในอาหารจานไทย ฝรั่ง และแขก

นับเป็นโอกาสสำคัญของ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะได้ก้าวสู่บทบาทในเวทีอาหารโลก ในฐานะ ปัญญาของแผ่นดิน ตามปณิธานฯ ที่พร้อมมอบองค์ความรู้เพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ ปลดพันธนาการความยากจน จาก อาหารที่มีคุณค่าและปลอดภัย ไปสู่การมี คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมที่ดี และทำให้แต่ละประเทศพึ่งพาตัวเองได้ต่อไปอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

Cr. ภาพ  สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล / Pinterest


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy